วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ประวัติความเป็นมาของรองเท้า Converse



Converse นั้นเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาโดยทางบริษัทConverse Rubber Corporationได้เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่เมื่อปี 1908ซึ่งผู้ก่อตั้งคนแรกก็คือ มาร์ควิส เอ็ม คอนเวอร์ส โดยร้านแห่งแรกที่เมืองมัลเดนมลรัฐแมสซาชูเซตส์ สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด ในปีถัดมาชาร์ลส์ เอช ชัค เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ใน วงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับ คอนเวอร์ส โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้าคอนเวิร์ส์ไปด้วย  ทำให้คอนเวอร์สกลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นักบาสเก็ตบอลและ วัยรุ่นอเมริกันด้วยเหตุนี้ ในปี 1923 ทางคอนเวอร์สจึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้าทำให้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่าชัคส์ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับคอนเวอร์สอย่างหนัก ก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969 อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 คอนเวอร์สจึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆนอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุ อื่นๆในการทำรองเท้าด้วยเช่นหนังหนังกลับไวนีลป่านแทนที่จะเป็นผ้าใบเพียง อย่างเดียวอีกด้วย 
 ปัจจุบันนี้ รองเท้าคอนเวอร์สยังเป็นที่นิยม  ในหมู่นักดนตรีและวัยรุ่นทั่วโลก
วิธีการดู บาง คนบอกว่าจะมีตรา Converse อยู่ที่ด้านหลังรองเท้าและพื้นรองเท้า แต่ถึงยังไง รองเท้าConverse ก็ยังเป็นที่นิยมสวมใส่กันอย่างแพร่หลาย
Jack Purcell
 

รองเท้า Jack Purcell ก็เป็นรองเท้าอีกรุ่นหนึ่งของ Converse ที่ได้ความนิยมมาอย่างยาวนานครับ จุดเด่นของรุ่นนี้ก็คงหนีไม่พ้นสัญลักษณ์ ยิ้ม บริเวณหัวรองเท้า ทำให้ฝรั่งตั้งชื่อเล่นรองเท้า Jack Purcell ว่า "Smile" ครับ หรือ เจ้ายิ้มนั่นเอง วันนี้มาดูประวัติความเป็นมารองเท้า Jack Pucell กันบ้างครับ หลายๆคนคงสงสัยว่านาย Jack Purcell ความจริงแล้วเป็นใคร แล้วเกี๋ยวข้องอะไรกับ Converse ตั้งแต่เมื่อไหร่ Jack Purcell เกิดเมื่อปี 1903 ครับ เป็นชาวแคนนาดาแต่กำเนิด Jack เริ่ม โด่งดังจากการเป็น นักแบดนิมตันอาชีพ โดดเริ่มต้นเส้นทางอาชีพอย่างสวยงามด้วยการคว้าแชมป์ Canadian ational Badminton Champion ในปี 1929 และ 1930 ติดต่อกัน ก่อนจะคว้าแชมป์โลกแบดนิมตันได้สำเร็จในปี 1933. Jack เข้าแข่งขันแบดนิมตันชิงแชมป์โลกหลายครั้ง ไม่มีใครสามารถล้มเค้าได้จนกระทั่งปี 1945 Jack จึงตัดสินใจแขวน แร็คเก็ต ยุติอาชีพนักแบดนิมตัน.
Jack มีส่วนร่วมในการ Design วัสุดลายผ้า และ ยาง สำหรับพื้นรองเท้าแบดมินตัน ให้กับบริษัท B.F Goodrich ใน Canada ตั้งแต่ปี 1935. เค้าออกแบบรองเท้าเพื่อเพิ่มความสามารถในการปกป้องเท้าและ suport นักกีฬาแบดมินตัน. จนกระทั้งปี 1970 Converse ตัดสินใจซื้อ Trandmark, Jack purcell เข้ามาในบริษัท ทำให้ brand Jack Purcell กลายมาอยู่ในร่มเงาของ Converse ตั้งแต่นั้นมา จนถึงปัจจุบัน. ปัจจุบัน Jack Purcell ได้กลายเป็นรุ่นยอดนิยมตลอดกาลของ converse เคียงคู่กับ Serie Chuck Taylor ด้วยกันมา. ปัจจุบันรองเท้า Jack Purcell ยังคงได้รับความนิยม เหมือนเช่นอดีตกาล แตกต่างกันเพียงว่า มันกลายเป็นสัญลักษณ์ทางด้าน Vintage Fashion มากกว่าการเป็นรองเท้ากีฬาเหมือนในอดีต

อ้างอิงจากเว็บ : http://selvedgeforum.com/forum/index.php?topic=3081.0
                  http://board.postjung.com/493166.html

วิธีดู รองเท้า Vans ที่เป็น Made in USA

วิธีดู รองเท้า Vans ที่เป็น Made in USA
1.ดูที่ทรงก่อนเลยคับ
USหัวออกแหลมๆ ขอบรองเท้าด้านข้างจะหุบเข้า(ของจีน เวียดนาม เกาหลี
จะบวมๆคับหัวจะเป็นขนมปังขอบรองเท้าจะตรงลงทื่อๆ)
2.ดูที่ด้านในคับ
พื้นที่สัมผัสกับเท้าเราจะมีกรอบสี่เหลี่ยมในกรอบปั้ม Vans ของ US
จะปั้มคำว่า made in usa ในกรอบใต้คำ Vans เท่านั้น (ของจีน เวียดนาม
เกาหลี จะมีแต่ Vans โดดๆไม่ก็จะปั้มด้านข้างรองเท้า)
3.ดูที่ป้ายยางส้น
เท้า คับ US จะป็นสีเดียวกับขอบรองเท้า จะมีปั้มVansใต้คำปั้ม Made in usa
ชัดเจน แต่ของมือ 2อาจจะมีเลือนๆไปบ้าง (ของจีน ของเกาหลี ของเวียดนาม
จะปั้ม Off the wall ไม่ก็ Vans ตัวป้ายจะเป็นสีสันต่างๆ ส่วนมากสีแดง)
4.อัน
นี้ต้องดูดีๆคับ ดูที่ใต้พื้นรองเท้าส่วนที่สัมผัสกับพื้นที่เป็นรังผึ้ง
ช่องท้ายๆใกล้สนเท้า ช่องกลางๆUS จะมีปั้ม ตัว R เล็กๆนูนๆอยู่คับ (ของ
จีน เกาหลี เวียดนาม จะไม่มีคับ)
5.อันนี้ก็ต้องดูดีๆเช่นกัน US
จะมีป้ายโค๊ดด้านในรองเท้าตรงตะเข็บรอยต่อของผ้ารองเท้า
เช่นรองเท้าข้างซ๊าย ป้ายก็อยู่ซ๊ายรองเท้าข้างขวา ป้ายก็จะอยู่ขวา
(ของจีน เกาหลี เวียดนาม จะไม่มีคับ)
6.เรื่องของน้ำหนักอันนี้แล้วแต่วิจารณญาณ ส่วนตัวคับ US จะน้ำหนักดีกว่าเยอะ ดูสมดุล
7.สุด
ท้าย ดูที่เนื้องาน วัสดุที่ใช้ทำคับ USรองเท้าทุกคู่จะทำด้วยมือ
วัสดุที่ทำดีกว่า สังเกตง่ายๆดูที่ขอบยางรองเท้าคับ เมื่อใส่ไปนานๆ พื้น
USจะรุ่ยๆเป็นไม่ล่อนเพราะเป็นผ้าอย่างดีซึกยาก (ของจีน เกาหลี
เวียดนามผลิตด้วยเครื่อง ลดต้นทุนการผลิต เช่น
ขอบทำด้วยยางธรรมดาใส่ไปซักพักจะล่อนเป็นแพตัวรองเท้าจะหลุดจากขอบยางง่าย
มาก)


วิธีดู Converse Made in USA แบบ คร่าวๆ
converse made in usa เนี่ย มีทั้งปี 70 80 90
1.ส้นครับ ใต้คำว่า Converse จะมีคำว่า made in usa อยู่ 
2.แผ่น
รองเท้าด้านในครับ ใต้คำว่า Converse ก็จะมี made in usa เช่นกัน
(แต่ถ้าเป็นเกาหลี จะเขียนว่า made under license...ไม่ก็ Design by us
ถ้าเป็นจีนจะเขียน made in china
หรือไม่ก็ไม่เขียนอะไรเลยเหมือนกับไทยครับ)
3.พื้นรองเท้าส่วนที่สัมผัสกับพื้น ใต้รองเท้าจะมีปั้ม Converse โค้งสวย ดาวคม 
4.หัวรองเท้าครับ ถ้าเป็น usa จะเป็นรูปทรงและดูแหลมๆกว่าที่อื่นไม่มากก็น้อยครับ ส่วนไทยนี่จะโต+บานที่สุด
5.การเย็บครับ ความละเอียดจะต่างกัน
6.วัสดุที่ทำต่างกันคับ เอาง่ายๆเลยขอบยางเช่นเดียวกับ Vans คับ US จะใช้วัสดุดีกว่าทนกว่าเยอะคับ อันนี้คนใส่ Converse น่าจะรู้ดีนะ
7.น้ำกนักโดยรวม US กำลังดีคับ ไม่หนัก ไม่เบาจนเกินไป



สุด
ท้ายนี้ ที่บอกมาทั้งหมดไม่ใช่ว่า ของ จีน เกาหลี เวียดนามจะไม่ดีเลยนะคับ
ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่คนใส่ คับว่าชอบแบบไหน ถ้าชอบลายเยอะๆสวยๆ
ของจีนลายมีเยอะกว่าเห็นๆ คับ ของ Usจะเป็นแบบ Classic ยุค ปี 70 80 90
ถ้าไม่ได้ mind ก็ ซื้อที่ shop ก็ได้ครับ ประหยัดดี

ที่มาที่ไปของเจ้ารองเท้าที่มีชื่อว่า Converse

ที่มาที่ไปของเจ้ารองเท้าที่มีชื่อว่า Converse

  
          Converse นั้นเป็นบริษัทผลิตรองเท้าที่มีต้นกำเนิดในสหรัฐอเมริกาโดย ทางบริษัทConverse Rubber Corporation ได้เริ่มเปิดกิจการตั้งแต่เมื่อปี 1908 ซึ่งผู้ก่อตั้งคนแรกก็คือมาร์ควิส เอ็ม คอนเวอร์ส โดยร้านแห่งแรกที่เมืองมัลเดนมลรัฐแมสซาชูเซตส์ สำหรับจุดเปลี่ยนที่ทำให้ร้านแห่งนี้โด่งดังขึ้นนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 1917 เมื่อมีการทำรองเท้าผ้าใบรุ่น "All-Star" ออกสู่ตลาด
          ในปีถัดมา ชาร์ลส์ เอช “ชัค” เทย์เลอร์ บุคคลผู้สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับบริษัทแห่งนี้จึงได้เข้ามาร่วมงานด้วย ซึ่งตัวชัคนั้นเป็นนักบาสเก็ตบอลผู้เล็งเห็นว่า รองเท้าคอนเวอร์สนั้นจะต้องได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในวงการนักบาสเก็ตบอล ด้วยเหตุนี้เขาจึงเข้าร่วมทำงานเป็นเซลส์แมนและเป็นทูตคอยโปรโมตสินค้าให้กับ Converse โดยระหว่างเดินทางไปแข่งขันบาสเก็ตบอลทั่วทั้งสหรัฐฯ ชัคจะแนะนำรองเท้า Converse ไปด้วย ทำให้ Converse กลายเป็นรองเท้าที่ได้รับความนิยมทั้งในหมู่นัก
บาสเก็ตบอลและ วัยรุ่นอเมริกันด้วยเหตุนี้
          ในปี 1923 ทาง Converse จึงนำชื่อ Chuck Taylor's ไปปรากฏร่วมกับโลโก้ของตนที่ติดอยู่บริเวณส่วนที่หุ้มข้อเท้าทำให้้ผู้คนมักเรียกรองเท้านี้ว่า“ชัคส์”ส่วนตัวชัคเองนั้น เขาทำงานให้กับConverse อย่างหนักก่อนจะเสียชีวิตไปเมื่อปี 1969
          อย่างไรก็ตาม รองเท้าชัคส์นั้นมีแต่สีดำและสีขาวเป็นเวลานานหลายทศวรรษ แต่เมื่อทีมบาสเก็ตบอลต่างๆต้องการที่จะให้รองเท้ามีสีอื่นๆ ด้วย ทำให้เมื่อปี 1966 Converse จึงต้องผลิตรองเท้าสีอื่นๆ นอกจากนั้นยังมีการเปลี่ยนไปใช้วัสดุอื่นๆในการทำรองเท้าด้วยเช่นหนังหนังกลับไวนีลป่านแทนที่จะเป็นผ้าใบเพียงอย่างเดียวอีกด้ว


วิธีการสังเกตรองเท้า Converse ว่าเป็นของจริงหรือของปลอม

การพัฒนาการของรองเท้า Converse ในยุค 70′s ถึง 90′s
         เราลองมาย้อนดูอดีตกันว่าเจ้ารองเท้า Converse สุดฮอต ตั้งแต่ในอดีตที่พอจะหารูปมาได้ จนถึงปัจจุบันกันว่ามีความคลาสสิคยังไง รูปแบบดีไซน์เมื่อก่อนนี้หน้าตาประมาณไหนลองมาดูกันครับ


Converse 70′s 
งานดูไม่เรียบร้อย เบี้ยวๆ เพราะเป็นงานแฮนเมด และที่ลิ้นรองเท้าไม่มีป้ายผ้า ALL STAR ยุค 80ก็ไม่มี จะเริ่มมีก็ตั้งแต่ยุค 90 เป็นต้นมา

ป้ายด้านหลังเริ่มแรกจะใช้ ป้ายสีดำ บบในภาพ รุ่นที่เห็นจะเป็น ไส้ตะเกียง ครับไส้ตะเกียง คือแถบผ้าที่อยูตรงส้นเท้าหลัง ที่เป็นผ้าหรือวัสดุคนละแบบกับตัวบอดี้รองเท้า




ที่ซอฟรองเท้าตรงคำว่า Converse จะพิมพ์ด้วยสีดำ ถ้ายุคปี 80 จะเป็นสีน้ำเงิน




Converse 80′s
หัวรองเท้าจะเล็กกว่ายุค 90 บางล็อตขีดดำเส้นบนจะใหญ่มากดังรูป


ซอฟจะเป็นแบบนี้ ส่วนสีดำจะหายากกว่


อันนี้เป็นความเชื่อเล็กๆที่บอกกันมาว่า ป้าย All Star วงกลมด้านข้าง บนสุดสังเกตที่ภาพ ป้ายจะต้องมีติ่งเล็กๆอยู่ จากการเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ พบว่ามีเฉพาะของอเมริกาเท่านั้นที่มีติ่งนี้อยู่ สาเหตุุเพราะมันเป็นป้ายสติ๊กเกอร์ร้อน ซึ่งติ่งนี้ใช้เป็นตัวแกะเวลาที่ลอกออกแล้วเอาไปติดที่รองเท้าครับ แต่ถ้ามือ 2 เก่าๆ อาจหลุดหายไปก็มีแต่น้อยคู่ครับ


ตรงกลางพื้นที่เบอร์รองเท้า สังเกตที่ภาพมันจะมีดาวหกแฉกดวงเล็กๆอยู่ ของไทยไม่มี ของเกาหลีและอื่นๆ มี แต่ของอเมริกาดาวจะมีรูตรงกลาง ของเกาหลีและอื่นๆไม่มี และด้านบนสุดที่พี้นช่องสี่เหลี่ยมยาวมันจะมีลายยางเล็กๆตามไปหมด ของอเมริกาจะเป็นรูปข้าวหลามตัด ส่วนเกาหลีจะเป็นแท่งสีเหลี่ยม แต่ของไทยและอื่นๆ มันก็เป็นสี่เหลี่ยมนะแต่ไม่ละเอียดเท่าของ USA



Converse 90′s
หัวรองเท้าของปี 90 จะโตกว่า 80 และ 70




จะเริ่มมีการใช้บาร์โค้ดมาใช้กับรองเท้า ซึ่งจะพบได้เฉพาะสินค้าที่ได้มาตราฐาน แต่บางคู่อาจจะไม่มีเนื่องมาจากเป็นสินค้าที่ผิดมาตรฐาน หรือผิดรูปทรงต่างๆ จากการผลิต ก็จะไม่มีบาร์โค้ดนี้อยู่ครับ




ที่ซอฟพื้นรองเท้า สังเกตด้านขวามือ มีรูปรองเท้า 3 คู่ และด้านหลังถัดมาจะมีสัญลักษณ์เหลี่ยมเล็กๆ 2 อันอยู่ เจ้านี่มันจะบอกว่าทำจากวัสดุอะไร เช่นสัญลักษณ์สีเหลี่ยม 2 อันหมายถึง ผ้าใบ ส่วนสี่เหลี่ยมข้าวหลามตัดก็คือ ยางพื้น และประเทศที่ผลิตอื่นๆจะไม่มีคำว่า made in usa แต่จะมีชื่อประเทศผลิตนั้นๆที่ตรงบาร์โคดอยู่ที่สลิปด้านใน ส่วนเกาหลีมันจะเป็นแสตมป์เย็บติดไว้ที่ลิ้นเหมือนกัน



วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิธีสังเกต Converse ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม

วิธีสังเกตรองเท้า Converse ว่าเป็นของแท้หรือของปลอม

          รองเท้าคู่หนึ่งถ้าซื้อมาแล้วก็อยากได้ของที่เป็นของแท้แน่นอนใช่ไหมล่ะ ลองเสียเวลาอ่านบทความนี้ แล้วเอาไปสังเกตก่อนการเลือกซื้อ Converse คู่ใหม่กันดีกว่า

ของแท้ : โลโก้มีความชัดเจนเป็นรูปดาวและมีลายเซ็น CHUCK TAYLOR อยู่บนโลโก้ด้วย

 

ของปลอม : โลโก้ดูมัวๆ ดูน่าเกลียด ดูยังไงก็ไม่ใช่แน่นอน และมีการเปลี่ยนแปลงคำบางคำของชื่อสินค้าด้วย

 

ของแท้ : ป้ายสลิปจะปักด้วยฝีเข็มแบบถี่ โลโก้นูนดูชัดเจน เมื่อสัมผัสจะลื่นๆ
ของปลอม : ลักษณะการปักจะเป็นแบบตารางดอทดังภาพ ดูไม่ชัดเจน สัมผัสแล้วจะสากมือ

 

ของแท้ : ขีดรอบเล็กจะมีความชัดเจน เก็บงานได้เนี๊ยบเข้ากับทรงรองเม้าที่เห็นได้ชัดเจน
ของปลอม : จากภาพของปลอมจะผิดรูปบิดเบี้ยวไม่ได้ทรง และหัวจะป่องกว่าของจริง



ของแท้ : แท็กกระดาษมีความน่าเชื่อถือ มีรูปภาพพิมพ์และคุณสมบัติต่างๆอย่างชัดเจน
ของปลอม : แท็ก ของปลอมจะมีข้อมูลที่ไม่เคลีย เป็นเพียงกระดาษด้อยคุณภาพแผ่นบางๆ ที่ไม่มีข้อมูลการรับประกัน หรือเอกสารการผลิตที่สำคัญอื่นๆ เมื่อนำมาจุ่มน้ำสีจะตกด้วยครับ


 

จากภาพจะมีความแตกต่างกันที่ขอบยางและป้ายที่ชัดเจนถึง 3 จุด ที่สำคัญเวลารองเท้านำมา หัก, บิด เวลาเดินหรือทำกิจกรรมต่างๆ ยางจะไม่ปริออกจากตัวขอบผ้าครับ

 โลโก้พิมพ์ลายชัดเจนไม่จืดหรือไม่แตกตัวเมื่อโดนการเสียดสี


ของแท้จะมีปุ่มยางส่วนเกินเล็กๆที่เกิดจาก บล็อกแม่พิมพ์ ผลิตรองเท้า Converse ที่ มีมาแต่ช้านาน และยางที่พื้นของแท้จะมีความยืดหยุ่นสูงใช้เล็บจิกจะคืนรูปได้รวดเร็ว ส่วนของปลอมจะเป็นยางคุณภาพต่ำลักษณะแข็งเหมือนพลาสติกลื่นไถลได้ง่าย


 กระดาษห่อรองเท้าจะแตกต่างอย่างเห็นได้ชัดเจน